สวัสดีทุกท่าน !!!!

เพื่อเป็นการเปิดปฐมบท บล็อกของโรงงาน วันนี้ทางผู้เขียนจึงนำพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับโปรแกรมๆ หนึ่งที่หลายท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่เพื่อให้ได้ความกระจ่างมากขึ้นแก่ลูกเพจของเรา วันนี้ทางผู้เขียนจะมานำเสนอโปรแกรมนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งโปรแกรมนี้มีชื่อว่า ODOO (โอดู้) ไม่ใช่เส้นอูด้งเด้อ!!!

รู้จักระบบ EPR ปฐมบทกำเนิดไปเป็น ODOO

ก่อนเข้าเรื่อง เราต้องขอเกรินนำก่อนว่า ODOO เนี้ยเป็นส่วนหนึ่งของระบบ EPR  

ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning ) หรือ ชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันนั่นคือ ระบบ EPR  คือ  ระบบงานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการบริหารทรัพยากรทั้งทรัพยากรภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งรวมทั้งสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เงินทุน วัตถุดิบ และทรัพยากร-บุคคล การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะจัดการการไหลของข้อมูลระหว่างส่วนงานต่างๆ ภายในขอบเขตขององค์กรทั้งหมด และจัดการการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder) ภายนอกองค์กร การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะทำงานอยู่บนศูนย์รวมฐานข้อมูลขององค์กรและทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากการประมวลผลที่เป็นฐานรากร่วมกันตลอดทั้งองค์กร หรือกล่าวอย่างสรุปได้ว่า ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะรวมปฏิบัติการทางธุรกรรมทั้งหมดขององค์กรให้เข้าอยู่ในรูปแบบเดียวกัน (uniform) และทั่วถึงทั้งองค์กร

โดยการออกแบบฐานข้อมูลในการวางแผนทรัพยากรองค์กร  ในการนำการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ในองค์กร จะต้องพิจารณาว่า องค์กรมีรูปแบบธุรกรรมซับซ้อนเพียงใด เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวจะมีความยืดหยุ่นต่างกัน รูปแบบที่จะต้องเรียบง่ายที่สุด และเอกสารต่างๆ จะสัมพันธ์กันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (one-to-one)

เช่น การออกใบส่งของเต็มจำนวนตามใบสั่งซื้อที่ลูกค้าสั่งซื้อไว้แล้ว หรือการออกใบเสร็จรับชำระค่าสินค้าโดยต้องชำระเต็มจำนวน ส่วนกรณีที่ลูกค้าทยอยจ่ายชำระก็จะเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งรูปแบบอาจจะซับซ้อนถึงระดับหลายต่อหลาย (many-to-many)

ซอฟท์แวร์ ERP ในปัจจุบัน ถูกแบ่งกลุ่มออกมาอย่างชัดเจน เป็น 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่

       1.     กลุ่มซอฟท์แวร์ระดับโลก ได้แก่ SAP, Microsoft Dynamic, Maximo และ B1 เป็นต้น กลุ่มนี้มักนิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากความน่าเชื่อถือสูง รองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ดี และยังได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ในประเทศ อีกด้วย หากท่านมีงบประมาณตั้งแต่ 2-5 ล้านเป็นต้นไป หากต้องการเลือกใช้ซอฟท์แวร์เข้ามาบริหารงานแนะนำให้เลือกกลุ่มนี้ เนื่องจากความน่าเชื่อถือ และการดูแล แก้ไข พร้อมกับปรับแต่งสิ่งต่างๆ ตามความต้องการขององค์กรนั่นเอง

สำหรับปัญหาของการใช้ซอฟท์แวร์ระดับโลก หลักๆ คือราคาที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มนำมาใช้งาน, การปรับแต่ง, ค่าบำรุงรักษาประจำปี รวมไปถึงค่าฝึกอบรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทของท่านจะต้องสำรองงบประมาณไว้ในแต่ละปี (Budget) ในระดับที่มากกว่า 1 ล้านบาท

      2.     ซอฟท์แวร์สำเร็จรูป ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด ได้แก่โปรแกรมบัญชี, โปรแกรมการขาย, โปรแกรมการผลิต และโปรแกรมบริหารงานบุคคล เป็นต้น ข้อดีของซอฟท์แวร์แบบนี้คือ ราคาที่ถูกกว่า และตรงกับความต้องการของผู้ใช้ในเมืองไทย  

แต่ข้อเสีย หรือข้อจำกัดของการใช้ซอฟท์แวร์สำเร็จรูปก็คือ ข้อมูลที่ได้ไม่เชื่อมโยงกัน เพราะเป็นโปรแกรมแยก, ความยุ่งยากในการแก้ไข ปรับแต่งระบบ, ความน่าเชื่อถือของในบางบริษัทไม่มี เมื่อนำซอฟท์แวร์ไปใช้อาจจะมีความผิดพลาด และไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควรก็เป็นได้ ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้วางระบบ ERP ให้ดีก่อน แล้วจึงซื้อซอฟท์แวร์สำเร็จรูปมาแก้ปัญหาเฉพาะบางโมดูลที่ ERP ทำได้ไม่ดี เช่น ซื้อโปรแกรม Express มาใช้ในแผนกบัญชี แต่ก็ยังมีระบบ SAP อยู่ เป็นต้น

      3.     กลุ่มซอฟท์แวร์ ERP ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส (Open Source) ได้แก่ Odoo และ ERPNext เป็นต้น กลุ่มนี้มีความสามารถเทียบเท่ากับซอฟท์แวร์ระดับโลก ในราคาที่ถูกลง และมีโมดูลต่างๆ ให้เลือกอย่างมากมาย ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับองค์กร และงบประมาณที่มีได้ ซึ่งหากกิจการท่านอยู่ในระดับกลาง หรือขนาดเล็ก ที่มีงบประมาณ 1 แสนถึง 1 ล้านต้นๆ แนะนำให้ใช้ซอฟท์แวร์กลุ่มนี้ เนื่องจากราคา และความสามารถในการปรับแต่งระบบให้เข้ากับองค์กรของท่านได้ด้วย

     รู้จักกับ ODOO

ODOO ย่อมาจาก On Demand Open Object หรือแปลเป็นไทย คือ การเพิ่มฟังก์ชั่นได้ตามความต้องการ

ODOO คือ ชุดโปรแกรมจัดการทางธุรกิจที่บูรณาการระบบให้ทุกส่วนของระบบภายในองค์กรทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ หรือ Open-source ERP ที่่กำเนิดมาจากประเทศเบลเยี่ยม คิดค้นขึ้นโดยนาย Fabien Pinckaers  ในปีพ.ศ.2545 โดยแต่เดิมมีชื่อว่า "TinyERP" จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น "OpenERP" และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Odoo" และใช้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน Odoo เป็นเว็บไซต์ที่เขียนด้วยภาษา Python ซึ่งเป็นภาษายอดนิยมของ ERP System  ติดตั้งง่าย  ใช้งานสะดวก  รวมถึงสามารถพัฒนาและปรับแต่งให้ครอบคลุมกับการทำงานขององค์กรธุรกิจได้ 

เอ๋ !!!!! แล้ว ODOO มีจุดเด่นอะไรบ้าง ทำไมเราถึงได้เลือกใช้อ่า

จุดเด่นของ ODOO

สิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นหลักทำให้ ODOO ต่างจากโปรแกรม EPR ทั่วไป นั่นคือ

ความยืดหยุ่น (Flexible) : จากการที่เป็นซอฟต์แวร์ประเภท OPEN SOURCE ที่มีฟังก์ชันให้ใช้ในการปรับแต่งให้เข้ากับลักษณะงานของธุรกิจแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น ซื้อมาขายไป การผลิต งานบริการ การเช่าซื้อ ฯลฯ ทั้งนี้ยังสามารถติดตั้งส่วนเสริม (Module) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อ การขาย บัญชี และอีกหลากหลาย ที่มีผู้พัฒนาอิสระได้พัฒนาขึ้นมาอย่างมากมายในแต่ละเดือน
คุณสมบัติ (Characteristic): มีโมดูลการทำงานที่ครอบคลุมการดำเนินการทางธุรกิจพื้นฐานต่างๆ และสามารถปรับแต่งโมดูลเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสม
เทคโนโลยี (Technology) : ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการพัฒนา เช่น XML-RPC บนพื้นฐานของ MVC, Web base, SaaS และออกรุ่นซอฟแวร์ใหม่ๆอยู่สม่ำเสมอ     

            นอกจากนี้ยัวมีจุดแข็งในเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ เช่น ถ้าเรามี ระบบ การขายผ่านหน้าเว็บ อยู่แล้ว และต้องการให้ตัดคลังสินค้าใน ODOO ก็สามารถเชื่อมระบบเข้าด้วยกันได้ หรือ ถ้าต้องการบริการหลังการขาย เช่น ทำเว็บบอร์ด Support ลูกค้า เว็บบอร์ดก็สามารถใช้มาใช้ข้อมูล ลูกค้า ประวัติการซื้อ และ อื่นๆ ที่เก็บข้อมูลอยู่ในระบบ  ODOO ได้